วงจรปิดแฉชัดทุกมุมตำรวจสภ.โรงเหนือชักปืนยิงในผับหลังจากมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะอื่นคลิปจากกล้องวงจรปิดสามารถแฉพฤติกรรมของตำรวจ3นายแต่งกายชุดนอกได้พากันเที่ยวในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการก่อนจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะข้างๆจนเกิดเหตุบานปลายทำให้มีตำรวจนายหนึ่งชักปืนขึ้นมายิงขู่ภายในร้านซึ่งกล้องวงจรปิดหน้าร้านสามารถจับภาพตำรวจที่ชักปืนขึ้นมายิงข่มขู่ได้อย่างชัดเจนจากนั้นมีเพื่อนของตำรวจนายนี้เข้ามาห้ามปราบขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุมภายในร้านจับภาพได้ไกลๆจะเห็นการชุลมุนกันของทั้งสองฝ่ายโดยมีสายตรวจนายหนึ่งพยายามเข้าไประงับเหตุภายในร้านขณะที่คลิปจากกล้องมือถือที่มีการถ่ายไว้ได้จะเห็นว่ามีชายผมเกรียนนายหนึ่งพยายามโวยวายแล้วเข้าหาเรื่องคู่กรณีแต่มีทางด้านเพื่อนเข้ามาห้ามปราบไว้ล่าสุดเมื่อวันที่22มีนาคม2566ทีมข่าวเราไปพบกับนายต้องอายุ43ปีหนึ่งในกลุ่มคู่กรณีที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของตำรวจในคืนวันเกิดเหตุได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการตามหมายเรียกในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นนายต้องเปิดใจกับทีมข่าวว่าคืนวันเกิดเหตุเป็นคืนวันที่13มีนาคม2566เวลาประมาณ02.00น.สถานที่เกิดเหตุคือร้านบนถ.ศรีนครินทร์ต.บางเมืองอ.เมืองจ.สมุทรปราการในคืนดังกล่าวตนเองและเพื่อนทั้งชายหญิงรวมประมาณ8คนไปเที่ยวดื่มกินที่ร้านแห่งนี้กันตามปะสานักท่องเที่ยวปกติจนกระทั่งร้านปิดและตนเองขอขึ้นไปร้องเพลงสุดท้ายกลุ่มเพื่อนของตนเองก็พากันร้องเพลงตามอย่างสนุกสนานในระหว่างที่กำลังพากันร้องเพลงสุดท้ายนั้นปรากฏว่ามีเสียงจากโต๊ะข้างๆตะโกนโวยวายด่าทอใส่ทำให้น้องที่กลุ่มที่มาด้วยกันพยายามเข้าไปเคลียร์กับโต๊ะข้างๆซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นโต๊ะดังกล่าวที่มากันประมาณ4คนเป็นตำรวจถึง3คนมาทราบภายหลังหลังจากที่มีน้องเข้าไปเคลียร์ปรากฏว่ามีน้องที่รู้จักรกันคนหนึ่งเข้ามาขอโทษขอโพยที่เพื่อนในกลุ่มพูดจาไม่ดีใส่แต่แทนที่เรื่องจะจบกลับพบว่ามีหนึ่งในกลุ่มยังคงโวยวายและด่าทอทำให้น้องในกลุ่มตนเองอีกคนเข้าไปเคลียร์อีกครั้งแต่กลับถูกอีกฝ่ายให้ของลับใส่ทำให้น้องที่เข้าไปเคลียร์ตบหน้าชายคนดังกล่าวจากนั้นก็เกิดการชกต่อยจนชุลมุนกันไม่นานตนเองได้ยินเสียงยิงปืนดังขึ้นหน้าร้านจึงหันไปมองพบว่ามีชายคนหนึ่งที่มาในกลุ่มของคู่กรณีชักปืนขึ้นมายิงขึ้นฟ้าตนเองจึงเข้าไปถามว่ายิงปืนทำไมและทำไมต้องพกปืนเข้ามาอีกทั้งตนเองและเพื่อนมากันมือเปล่าทำให้ชายคนที่ยิงปืนถอยหลังออกไปตนเองจึงหันมาชกต่อยกับอีกคนในกลุ่มคู่กรณีจนกระทั่งมีรถสายตรวจของสภ.สำโรงเหนือมาถึงที่เกิดเหตุและเชิญชายคนที่ยิงปืนขึ้นรถสายตรวจโดยไม่มีการล็อกกุญแจมือแต่อย่างใดซึ่งตอนนั้นตนเองยังโวยวายถามเจ้าหน้าที่สายตรวจว่าทำไมไม่ล็อกกุญแจมืออีกทั้งสถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ของสภ.เมืองสมุทรปราการไม่ใช่ของสภ.สำโรงเหนือระหว่างนั้นไม่นานก็มีสายตรวจของสภ.เมืองสมุทรปราการเข้ามาระงับเหตุจนกระทั่งต่างฝ่ายต่างแยกย้ายซึ่งเรื่องราวตนเองคิดว่าจะจบลงในคืนนั้นเพราะตนเองก็ไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใดจนมาทราบจากพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการว่ากลุ่มคู่กรณีมีการมาแจ้งความจึงเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาและแจ้งความกลับกลุ่มคู่กรณีเช่นกันและมาทราบภายหลังว่ากลุ่มคู่กรณีเป็นตำรวจของสภ.สำโรงเหนือ2นายและตำรวจของกองกำกับการสืบจังหวัดอีก1นายซึ่งพอทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจและมีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องต่อสื่อมวลชนด้วยเช่นกันวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆ...

วงจรปิดแฉชัดทุกมุมตำรวจสภ.โรงเหนือชักปืนยิงในผับหลังจากมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะอื่นคลิปจากกล้องวงจรปิดสามารถแฉพฤติกรรมของตำรวจ3นายแต่งกายชุดนอกได้พากันเที่ยวในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการก่อนจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะข้างๆจนเกิดเหตุบานปลายทำให้มีตำรวจนายหนึ่งชักปืนขึ้นมายิงขู่ภายในร้านซึ่งกล้องวงจรปิดหน้าร้านสามารถจับภาพตำรวจที่ชักปืนขึ้นมายิงข่มขู่ได้อย่างชัดเจนจากนั้นมีเพื่อนของตำรวจนายนี้เข้ามาห้ามปราบขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุมภายในร้านจับภาพได้ไกลๆจะเห็นการชุลมุนกันของทั้งสองฝ่ายโดยมีสายตรวจนายหนึ่งพยายามเข้าไประงับเหตุภายในร้านขณะที่คลิปจากกล้องมือถือที่มีการถ่ายไว้ได้จะเห็นว่ามีชายผมเกรียนนายหนึ่งพยายามโวยวายแล้วเข้าหาเรื่องคู่กรณีแต่มีทางด้านเพื่อนเข้ามาห้ามปราบไว้ล่าสุดเมื่อวันที่22มีนาคม2566ทีมข่าวเราไปพบกับนายต้องอายุ43ปีหนึ่งในกลุ่มคู่กรณีที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของตำรวจในคืนวันเกิดเหตุได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการตามหมายเรียกในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นนายต้องเปิดใจกับทีมข่าวว่าคืนวันเกิดเหตุเป็นคืนวันที่13มีนาคม2566เวลาประมาณ02.00น.สถานที่เกิดเหตุคือร้านบนถ.ศรีนครินทร์ต.บางเมืองอ.เมืองจ.สมุทรปราการในคืนดังกล่าวตนเองและเพื่อนทั้งชายหญิงรวมประมาณ8คนไปเที่ยวดื่มกินที่ร้านแห่งนี้กันตามปะสานักท่องเที่ยวปกติจนกระทั่งร้านปิดและตนเองขอขึ้นไปร้องเพลงสุดท้ายกลุ่มเพื่อนของตนเองก็พากันร้องเพลงตามอย่างสนุกสนานในระหว่างที่กำลังพากันร้องเพลงสุดท้ายนั้นปรากฏว่ามีเสียงจากโต๊ะข้างๆตะโกนโวยวายด่าทอใส่ทำให้น้องที่กลุ่มที่มาด้วยกันพยายามเข้าไปเคลียร์กับโต๊ะข้างๆซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นโต๊ะดังกล่าวที่มากันประมาณ4คนเป็นตำรวจถึง3คนมาทราบภายหลังหลังจากที่มีน้องเข้าไปเคลียร์ปรากฏว่ามีน้องที่รู้จักรกันคนหนึ่งเข้ามาขอโทษขอโพยที่เพื่อนในกลุ่มพูดจาไม่ดีใส่แต่แทนที่เรื่องจะจบกลับพบว่ามีหนึ่งในกลุ่มยังคงโวยวายและด่าทอทำให้น้องในกลุ่มตนเองอีกคนเข้าไปเคลียร์อีกครั้งแต่กลับถูกอีกฝ่ายให้ของลับใส่ทำให้น้องที่เข้าไปเคลียร์ตบหน้าชายคนดังกล่าวจากนั้นก็เกิดการชกต่อยจนชุลมุนกันไม่นานตนเองได้ยินเสียงยิงปืนดังขึ้นหน้าร้านจึงหันไปมองพบว่ามีชายคนหนึ่งที่มาในกลุ่มของคู่กรณีชักปืนขึ้นมายิงขึ้นฟ้าตนเองจึงเข้าไปถามว่ายิงปืนทำไมและทำไมต้องพกปืนเข้ามาอีกทั้งตนเองและเพื่อนมากันมือเปล่าทำให้ชายคนที่ยิงปืนถอยหลังออกไปตนเองจึงหันมาชกต่อยกับอีกคนในกลุ่มคู่กรณีจนกระทั่งมีรถสายตรวจของสภ.สำโรงเหนือมาถึงที่เกิดเหตุและเชิญชายคนที่ยิงปืนขึ้นรถสายตรวจโดยไม่มีการล็อกกุญแจมือแต่อย่างใดซึ่งตอนนั้นตนเองยังโวยวายถามเจ้าหน้าที่สายตรวจว่าทำไมไม่ล็อกกุญแจมืออีกทั้งสถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ของสภ.เมืองสมุทรปราการไม่ใช่ของสภ.สำโรงเหนือระหว่างนั้นไม่นานก็มีสายตรวจของสภ.เมืองสมุทรปราการเข้ามาระงับเหตุจนกระทั่งต่างฝ่ายต่างแยกย้ายซึ่งเรื่องราวตนเองคิดว่าจะจบลงในคืนนั้นเพราะตนเองก็ไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใดจนมาทราบจากพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการว่ากลุ่มคู่กรณีมีการมาแจ้งความจึงเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาและแจ้งความกลับกลุ่มคู่กรณีเช่นกันและมาทราบภายหลังว่ากลุ่มคู่กรณีเป็นตำรวจของสภ.สำโรงเหนือ2นายและตำรวจของกองกำกับการสืบจังหวัดอีก1นายซึ่งพอทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจและมีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องต่อสื่อมวลชนด้วยเช่นกันวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆ...

วงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉชัดทุกมุมตำรวจสภ.โรงเหนือชักปืนยิงในผับหลังจากมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะอื่นคลิปจากกล้องวงจรปิดสามารถแฉพฤติกรรมของตำรวจ3นายแต่งกายชุดนอกได้พากันเที่ยวในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการก่อนจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะข้างๆจนเกิดเหตุบานปลายทำให้มีตำรวจนายหนึ่งชักปืนขึ้นมายิงขู่ภายในร้านซึ่งกล้องวงจรปิดหน้าร้านสามารถจับภาพตำรวจที่ชักปืนขึ้นมายิงข่มขู่ได้อย่างชัดเจนจากนั้นมีเพื่อนของตำรวจนายนี้เข้ามาห้ามปราบขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุมภายในร้านจับภาพได้ไกลๆจะเห็นการชุลมุนกันของทั้งสองฝ่ายโดยมีสายตรวจนายหนึ่งพยายามเข้าไประงับเหตุภายในร้านขณะที่คลิปจากกล้องมือถือที่มีการถ่ายไว้ได้จะเห็นว่ามีชายผมเกรียนนายหนึ่งพยายามโวยวายแล้วเข้าหาเรื่องคู่กรณีแต่มีทางด้านเพื่อนเข้ามาห้ามปราบไว้ล่าสุดเมื่อวันที่22มีนาคม2566ทีมข่าวเราไปพบกับนายต้องอายุ43ปีหนึ่งในกลุ่มคู่กรณีที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของตำรวจในคืนวันเกิดเหตุได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการตามหมายเรียกในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นนายต้องเปิดใจกับทีมข่าวว่าคืนวันเกิดเหตุเป็นคืนวันที่13มีนาคม2566เวลาประมาณ02.00น.สถานที่เกิดเหตุคือร้านบนถ.ศรีนครินทร์ต.บางเมืองอ.เมืองจ.สมุทรปราการในคืนดังกล่าวตนเองและเพื่อนทั้งชายหญิงรวมประมาณ8คนไปเที่ยวดื่มกินที่ร้านแห่งนี้กันตามปะสานักท่องเที่ยวปกติจนกระทั่งร้านปิดและตนเองขอขึ้นไปร้องเพลงสุดท้ายกลุ่มเพื่อนของตนเองก็พากันร้องเพลงตามอย่างสนุกสนานในระหว่างที่กำลังพากันร้องเพลงสุดท้ายนั้นปรากฏว่ามีเสียงจากโต๊ะข้างๆตะโกนโวยวายด่าทอใส่ทำให้น้องที่กลุ่มที่มาด้วยกันพยายามเข้าไปเคลียร์กับโต๊ะข้างๆซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นโต๊ะดังกล่าวที่มากันประมาณ4คนเป็นตำรวจถึง3คนมาทราบภายหลังหลังจากที่มีน้องเข้าไปเคลียร์ปรากฏว่ามีน้องที่รู้จักรกันคนหนึ่งเข้ามาขอโทษขอโพยที่เพื่อนในกลุ่มพูดจาไม่ดีใส่แต่แทนที่เรื่องจะจบกลับพบว่ามีหนึ่งในกลุ่มยังคงโวยวายและด่าทอทำให้น้องในกลุ่มตนเองอีกคนเข้าไปเคลียร์อีกครั้งแต่กลับถูกอีกฝ่ายให้ของลับใส่ทำให้น้องที่เข้าไปเคลียร์ตบหน้าชายคนดังกล่าวจากนั้นก็เกิดการชกต่อยจนชุลมุนกันไม่นานตนเองได้ยินเสียงยิงปืนดังขึ้นหน้าร้านจึงหันไปมองพบว่ามีชายคนหนึ่งที่มาในกลุ่มของคู่กรณีชักปืนขึ้นมายิงขึ้นฟ้าตนเองจึงเข้าไปถามว่ายิงปืนทำไมและทำไมต้องพกปืนเข้ามาอีกทั้งตนเองและเพื่อนมากันมือเปล่าทำให้ชายคนที่ยิงปืนถอยหลังออกไปตนเองจึงหันมาชกต่อยกับอีกคนในกลุ่มคู่กรณีจนกระทั่งมีรถสายตรวจของสภ.สำโรงเหนือมาถึงที่เกิดเหตุและเชิญชายคนที่ยิงปืนขึ้นรถสายตรวจโดยไม่มีการล็อกกุญแจมือแต่อย่างใดซึ่งตอนนั้นตนเองยังโวยวายถามเจ้าหน้าที่สายตรวจว่าทำไมไม่ล็อกกุญแจมืออีกทั้งสถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ของสภ.เมืองสมุทรปราการไม่ใช่ของสภ.สำโรงเหนือระหว่างนั้นไม่นานก็มีสายตรวจของสภ.เมืองสมุทรปราการเข้ามาระงับเหตุจนกระทั่งต่างฝ่ายต่างแยกย้ายซึ่งเรื่องราวตนเองคิดว่าจะจบลงในคืนนั้นเพราะตนเองก็ไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใดจนมาทราบจากพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการว่ากลุ่มคู่กรณีมีการมาแจ้งความจึงเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาและแจ้งความกลับกลุ่มคู่กรณีเช่นกันและมาทราบภายหลังว่ากลุ่มคู่กรณีเป็นตำรวจของสภ.สำโรงเหนือ2นายและตำรวจของกองกำกับการสืบจังหวัดอีก1นายซึ่งพอทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจและมีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องต่อสื่อมวลชนด้วยเช่นกันวงจรปิดแฉชัดทุกมุมตำรวจสภ.โรงเหนือชักปืนยิงในผับหลังจากมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะอื่นคลิปจากกล้องวงจรปิดสามารถแฉพฤติกรรมของตำรวจ3นายแต่งกายชุดนอกได้พากันเที่ยวในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการก่อนจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะข้างๆจนเกิดเหตุบานปลายทำให้มีตำรวจนายหนึ่งชักปืนขึ้นมายิงขู่ภายในร้านซึ่งกล้องวงจรปิดหน้าร้านสามารถจับภาพตำรวจที่ชักปืนขึ้นมายิงข่มขู่ได้อย่างชัดเจนจากนั้นมีเพื่อนของตำรวจนายนี้เข้ามาห้ามปราบขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุมภายในร้านจับภาพได้ไกลๆจะเห็นการชุลมุนกันของทั้งสองฝ่ายโดยมีสายตรวจนายหนึ่งพยายามเข้าไประงับเหตุภายในร้านขณะที่คลิปจากกล้องมือถือที่มีการถ่ายไว้ได้จะเห็นว่ามีชายผมเกรียนนายหนึ่งพยายามโวยวายแล้วเข้าหาเรื่องคู่กรณีแต่มีทางด้านเพื่อนเข้ามาห้ามปราบไว้ล่าสุดเมื่อวันที่22มีนาคม2566ทีมข่าวเราไปพบกับนายต้องอายุ43ปีหนึ่งในกลุ่มคู่กรณีที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของตำรวจในคืนวันเกิดเหตุได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการตามหมายเรียกในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นนายต้องเปิดใจกับทีมข่าวว่าคืนวันเกิดเหตุเป็นคืนวันที่13มีนาคม2566เวลาประมาณ02.00น.สถานที่เกิดเหตุคือร้านบนถ.ศรีนครินทร์ต.บางเมืองอ.เมืองจ.สมุทรปราการในคืนดังกล่าวตนเองและเพื่อนทั้งชายหญิงรวมประมาณ8คนไปเที่ยวดื่มกินที่ร้านแห่งนี้กันตามปะสานักท่องเที่ยวปกติจนกระทั่งร้านปิดและตนเองขอขึ้นไปร้องเพลงสุดท้ายกลุ่มเพื่อนของตนเองก็พากันร้องเพลงตามอย่างสนุกสนานในระหว่างที่กำลังพากันร้องเพลงสุดท้ายนั้นปรากฏว่ามีเสียงจากโต๊ะข้างๆตะโกนโวยวายด่าทอใส่ทำให้น้องที่กลุ่มที่มาด้วยกันพยายามเข้าไปเคลียร์กับโต๊ะข้างๆซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นโต๊ะดังกล่าวที่มากันประมาณ4คนเป็นตำรวจถึง3คนมาทราบภายหลังหลังจากที่มีน้องเข้าไปเคลียร์ปรากฏว่ามีน้องที่รู้จักรกันคนหนึ่งเข้ามาขอโทษขอโพยที่เพื่อนในกลุ่มพูดจาไม่ดีใส่แต่แทนที่เรื่องจะจบกลับพบว่ามีหนึ่งในกลุ่มยังคงโวยวายและด่าทอทำให้น้องในกลุ่มตนเองอีกคนเข้าไปเคลียร์อีกครั้งแต่กลับถูกอีกฝ่ายให้ของลับใส่ทำให้น้องที่เข้าไปเคลียร์ตบหน้าชายคนดังกล่าวจากนั้นก็เกิดการชกต่อยจนชุลมุนกันไม่นานตนเองได้ยินเสียงยิงปืนดังขึ้นหน้าร้านจึงหันไปมองพบว่ามีชายคนหนึ่งที่มาในกลุ่มของคู่กรณีชักปืนขึ้นมายิงขึ้นฟ้าตนเองจึงเข้าไปถามว่ายิงปืนทำไมและทำไมต้องพกปืนเข้ามาอีกทั้งตนเองและเพื่อนมากันมือเปล่าทำให้ชายคนที่ยิงปืนถอยหลังออกไปตนเองจึงหันมาชกต่อยกับอีกคนในกลุ่มคู่กรณีจนกระทั่งมีรถสายตรวจของสภ.สำโรงเหนือมาถึงที่เกิดเหตุและเชิญชายคนที่ยิงปืนขึ้นรถสายตรวจโดยไม่มีการล็อกกุญแจมือแต่อย่างใดซึ่งตอนนั้นตนเองยังโวยวายถามเจ้าหน้าที่สายตรวจว่าทำไมไม่ล็อกกุญแจมืออีกทั้งสถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ของสภ.เมืองสมุทรปราการไม่ใช่ของสภ.สำโรงเหนือระหว่างนั้นไม่นานก็มีสายตรวจของสภ.เมืองสมุทรปราการเข้ามาระงับเหตุจนกระทั่งต่างฝ่ายต่างแยกย้ายซึ่งเรื่องราวตนเองคิดว่าจะจบลงในคืนนั้นเพราะตนเองก็ไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใดจนมาทราบจากพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการว่ากลุ่มคู่กรณีมีการมาแจ้งความจึงเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาและแจ้งความกลับกลุ่มคู่กรณีเช่นกันและมาทราบภายหลังว่ากลุ่มคู่กรณีเป็นตำรวจของสภ.สำโรงเหนือ2นายและตำรวจของกองกำกับการสืบจังหวัดอีก1นายซึ่งพอทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจและมีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องต่อสื่อมวลชนด้วยเช่นกันวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆ...

วงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆ...

วงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆ...

วงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉชัดทุกมุมตำรวจสภ.โรงเหนือชักปืนยิงในผับหลังจากมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะอื่นคลิปจากกล้องวงจรปิดสามารถแฉพฤติกรรมของตำรวจ3นายแต่งกายชุดนอกได้พากันเที่ยวในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการก่อนจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะข้างๆจนเกิดเหตุบานปลายทำให้มีตำรวจนายหนึ่งชักปืนขึ้นมายิงขู่ภายในร้านซึ่งกล้องวงจรปิดหน้าร้านสามารถจับภาพตำรวจที่ชักปืนขึ้นมายิงข่มขู่ได้อย่างชัดเจนจากนั้นมีเพื่อนของตำรวจนายนี้เข้ามาห้ามปราบขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุมภายในร้านจับภาพได้ไกลๆจะเห็นการชุลมุนกันของทั้งสองฝ่ายโดยมีสายตรวจนายหนึ่งพยายามเข้าไประงับเหตุภายในร้านขณะที่คลิปจากกล้องมือถือที่มีการถ่ายไว้ได้จะเห็นว่ามีชายผมเกรียนนายหนึ่งพยายามโวยวายแล้วเข้าหาเรื่องคู่กรณีแต่มีทางด้านเพื่อนเข้ามาห้ามปราบไว้ล่าสุดเมื่อวันที่22มีนาคม2566ทีมข่าวเราไปพบกับนายต้องอายุ43ปีหนึ่งในกลุ่มคู่กรณีที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของตำรวจในคืนวันเกิดเหตุได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการตามหมายเรียกในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นนายต้องเปิดใจกับทีมข่าวว่าคืนวันเกิดเหตุเป็นคืนวันที่13มีนาคม2566เวลาประมาณ02.00น.สถานที่เกิดเหตุคือร้านบนถ.ศรีนครินทร์ต.บางเมืองอ.เมืองจ.สมุทรปราการในคืนดังกล่าวตนเองและเพื่อนทั้งชายหญิงรวมประมาณ8คนไปเที่ยวดื่มกินที่ร้านแห่งนี้กันตามปะสานักท่องเที่ยวปกติจนกระทั่งร้านปิดและตนเองขอขึ้นไปร้องเพลงสุดท้ายกลุ่มเพื่อนของตนเองก็พากันร้องเพลงตามอย่างสนุกสนานในระหว่างที่กำลังพากันร้องเพลงสุดท้ายนั้นปรากฏว่ามีเสียงจากโต๊ะข้างๆตะโกนโวยวายด่าทอใส่ทำให้น้องที่กลุ่มที่มาด้วยกันพยายามเข้าไปเคลียร์กับโต๊ะข้างๆซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นโต๊ะดังกล่าวที่มากันประมาณ4คนเป็นตำรวจถึง3คนมาทราบภายหลังหลังจากที่มีน้องเข้าไปเคลียร์ปรากฏว่ามีน้องที่รู้จักรกันคนหนึ่งเข้ามาขอโทษขอโพยที่เพื่อนในกลุ่มพูดจาไม่ดีใส่แต่แทนที่เรื่องจะจบกลับพบว่ามีหนึ่งในกลุ่มยังคงโวยวายและด่าทอทำให้น้องในกลุ่มตนเองอีกคนเข้าไปเคลียร์อีกครั้งแต่กลับถูกอีกฝ่ายให้ของลับใส่ทำให้น้องที่เข้าไปเคลียร์ตบหน้าชายคนดังกล่าวจากนั้นก็เกิดการชกต่อยจนชุลมุนกันไม่นานตนเองได้ยินเสียงยิงปืนดังขึ้นหน้าร้านจึงหันไปมองพบว่ามีชายคนหนึ่งที่มาในกลุ่มของคู่กรณีชักปืนขึ้นมายิงขึ้นฟ้าตนเองจึงเข้าไปถามว่ายิงปืนทำไมและทำไมต้องพกปืนเข้ามาอีกทั้งตนเองและเพื่อนมากันมือเปล่าทำให้ชายคนที่ยิงปืนถอยหลังออกไปตนเองจึงหันมาชกต่อยกับอีกคนในกลุ่มคู่กรณีจนกระทั่งมีรถสายตรวจของสภ.สำโรงเหนือมาถึงที่เกิดเหตุและเชิญชายคนที่ยิงปืนขึ้นรถสายตรวจโดยไม่มีการล็อกกุญแจมือแต่อย่างใดซึ่งตอนนั้นตนเองยังโวยวายถามเจ้าหน้าที่สายตรวจว่าทำไมไม่ล็อกกุญแจมืออีกทั้งสถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ของสภ.เมืองสมุทรปราการไม่ใช่ของสภ.สำโรงเหนือระหว่างนั้นไม่นานก็มีสายตรวจของสภ.เมืองสมุทรปราการเข้ามาระงับเหตุจนกระทั่งต่างฝ่ายต่างแยกย้ายซึ่งเรื่องราวตนเองคิดว่าจะจบลงในคืนนั้นเพราะตนเองก็ไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใดจนมาทราบจากพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการว่ากลุ่มคู่กรณีมีการมาแจ้งความจึงเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาและแจ้งความกลับกลุ่มคู่กรณีเช่นกันและมาทราบภายหลังว่ากลุ่มคู่กรณีเป็นตำรวจของสภ.สำโรงเหนือ2นายและตำรวจของกองกำกับการสืบจังหวัดอีก1นายซึ่งพอทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจและมีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องต่อสื่อมวลชนด้วยเช่นกันวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆ...

วงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉชัดทุกมุมตำรวจสภ.โรงเหนือชักปืนยิงในผับหลังจากมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะอื่นคลิปจากกล้องวงจรปิดสามารถแฉพฤติกรรมของตำรวจ3นายแต่งกายชุดนอกได้พากันเที่ยวในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการก่อนจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะข้างๆจนเกิดเหตุบานปลายทำให้มีตำรวจนายหนึ่งชักปืนขึ้นมายิงขู่ภายในร้านซึ่งกล้องวงจรปิดหน้าร้านสามารถจับภาพตำรวจที่ชักปืนขึ้นมายิงข่มขู่ได้อย่างชัดเจนจากนั้นมีเพื่อนของตำรวจนายนี้เข้ามาห้ามปราบขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุมภายในร้านจับภาพได้ไกลๆจะเห็นการชุลมุนกันของทั้งสองฝ่ายโดยมีสายตรวจนายหนึ่งพยายามเข้าไประงับเหตุภายในร้านขณะที่คลิปจากกล้องมือถือที่มีการถ่ายไว้ได้จะเห็นว่ามีชายผมเกรียนนายหนึ่งพยายามโวยวายแล้วเข้าหาเรื่องคู่กรณีแต่มีทางด้านเพื่อนเข้ามาห้ามปราบไว้ล่าสุดเมื่อวันที่22มีนาคม2566ทีมข่าวเราไปพบกับนายต้องอายุ43ปีหนึ่งในกลุ่มคู่กรณีที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของตำรวจในคืนวันเกิดเหตุได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการตามหมายเรียกในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นนายต้องเปิดใจกับทีมข่าวว่าคืนวันเกิดเหตุเป็นคืนวันที่13มีนาคม2566เวลาประมาณ02.00น.สถานที่เกิดเหตุคือร้านบนถ.ศรีนครินทร์ต.บางเมืองอ.เมืองจ.สมุทรปราการในคืนดังกล่าวตนเองและเพื่อนทั้งชายหญิงรวมประมาณ8คนไปเที่ยวดื่มกินที่ร้านแห่งนี้กันตามปะสานักท่องเที่ยวปกติจนกระทั่งร้านปิดและตนเองขอขึ้นไปร้องเพลงสุดท้ายกลุ่มเพื่อนของตนเองก็พากันร้องเพลงตามอย่างสนุกสนานในระหว่างที่กำลังพากันร้องเพลงสุดท้ายนั้นปรากฏว่ามีเสียงจากโต๊ะข้างๆตะโกนโวยวายด่าทอใส่ทำให้น้องที่กลุ่มที่มาด้วยกันพยายามเข้าไปเคลียร์กับโต๊ะข้างๆซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นโต๊ะดังกล่าวที่มากันประมาณ4คนเป็นตำรวจถึง3คนมาทราบภายหลังหลังจากที่มีน้องเข้าไปเคลียร์ปรากฏว่ามีน้องที่รู้จักรกันคนหนึ่งเข้ามาขอโทษขอโพยที่เพื่อนในกลุ่มพูดจาไม่ดีใส่แต่แทนที่เรื่องจะจบกลับพบว่ามีหนึ่งในกลุ่มยังคงโวยวายและด่าทอทำให้น้องในกลุ่มตนเองอีกคนเข้าไปเคลียร์อีกครั้งแต่กลับถูกอีกฝ่ายให้ของลับใส่ทำให้น้องที่เข้าไปเคลียร์ตบหน้าชายคนดังกล่าวจากนั้นก็เกิดการชกต่อยจนชุลมุนกันไม่นานตนเองได้ยินเสียงยิงปืนดังขึ้นหน้าร้านจึงหันไปมองพบว่ามีชายคนหนึ่งที่มาในกลุ่มของคู่กรณีชักปืนขึ้นมายิงขึ้นฟ้าตนเองจึงเข้าไปถามว่ายิงปืนทำไมและทำไมต้องพกปืนเข้ามาอีกทั้งตนเองและเพื่อนมากันมือเปล่าทำให้ชายคนที่ยิงปืนถอยหลังออกไปตนเองจึงหันมาชกต่อยกับอีกคนในกลุ่มคู่กรณีจนกระทั่งมีรถสายตรวจของสภ.สำโรงเหนือมาถึงที่เกิดเหตุและเชิญชายคนที่ยิงปืนขึ้นรถสายตรวจโดยไม่มีการล็อกกุญแจมือแต่อย่างใดซึ่งตอนนั้นตนเองยังโวยวายถามเจ้าหน้าที่สายตรวจว่าทำไมไม่ล็อกกุญแจมืออีกทั้งสถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ของสภ.เมืองสมุทรปราการไม่ใช่ของสภ.สำโรงเหนือระหว่างนั้นไม่นานก็มีสายตรวจของสภ.เมืองสมุทรปราการเข้ามาระงับเหตุจนกระทั่งต่างฝ่ายต่างแยกย้ายซึ่งเรื่องราวตนเองคิดว่าจะจบลงในคืนนั้นเพราะตนเองก็ไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใดจนมาทราบจากพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการว่ากลุ่มคู่กรณีมีการมาแจ้งความจึงเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาและแจ้งความกลับกลุ่มคู่กรณีเช่นกันและมาทราบภายหลังว่ากลุ่มคู่กรณีเป็นตำรวจของสภ.สำโรงเหนือ2นายและตำรวจของกองกำกับการสืบจังหวัดอีก1นายซึ่งพอทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจและมีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องต่อสื่อมวลชนด้วยเช่นกันวงจรปิดแฉชัดทุกมุมตำรวจสภ.โรงเหนือชักปืนยิงในผับหลังจากมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะอื่นคลิปจากกล้องวงจรปิดสามารถแฉพฤติกรรมของตำรวจ3นายแต่งกายชุดนอกได้พากันเที่ยวในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการก่อนจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะข้างๆจนเกิดเหตุบานปลายทำให้มีตำรวจนายหนึ่งชักปืนขึ้นมายิงขู่ภายในร้านซึ่งกล้องวงจรปิดหน้าร้านสามารถจับภาพตำรวจที่ชักปืนขึ้นมายิงข่มขู่ได้อย่างชัดเจนจากนั้นมีเพื่อนของตำรวจนายนี้เข้ามาห้ามปราบขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุมภายในร้านจับภาพได้ไกลๆจะเห็นการชุลมุนกันของทั้งสองฝ่ายโดยมีสายตรวจนายหนึ่งพยายามเข้าไประงับเหตุภายในร้านขณะที่คลิปจากกล้องมือถือที่มีการถ่ายไว้ได้จะเห็นว่ามีชายผมเกรียนนายหนึ่งพยายามโวยวายแล้วเข้าหาเรื่องคู่กรณีแต่มีทางด้านเพื่อนเข้ามาห้ามปราบไว้ล่าสุดเมื่อวันที่22มีนาคม2566ทีมข่าวเราไปพบกับนายต้องอายุ43ปีหนึ่งในกลุ่มคู่กรณีที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของตำรวจในคืนวันเกิดเหตุได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการตามหมายเรียกในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นนายต้องเปิดใจกับทีมข่าวว่าคืนวันเกิดเหตุเป็นคืนวันที่13มีนาคม2566เวลาประมาณ02.00น.สถานที่เกิดเหตุคือร้านบนถ.ศรีนครินทร์ต.บางเมืองอ.เมืองจ.สมุทรปราการในคืนดังกล่าวตนเองและเพื่อนทั้งชายหญิงรวมประมาณ8คนไปเที่ยวดื่มกินที่ร้านแห่งนี้กันตามปะสานักท่องเที่ยวปกติจนกระทั่งร้านปิดและตนเองขอขึ้นไปร้องเพลงสุดท้ายกลุ่มเพื่อนของตนเองก็พากันร้องเพลงตามอย่างสนุกสนานในระหว่างที่กำลังพากันร้องเพลงสุดท้ายนั้นปรากฏว่ามีเสียงจากโต๊ะข้างๆตะโกนโวยวายด่าทอใส่ทำให้น้องที่กลุ่มที่มาด้วยกันพยายามเข้าไปเคลียร์กับโต๊ะข้างๆซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นโต๊ะดังกล่าวที่มากันประมาณ4คนเป็นตำรวจถึง3คนมาทราบภายหลังหลังจากที่มีน้องเข้าไปเคลียร์ปรากฏว่ามีน้องที่รู้จักรกันคนหนึ่งเข้ามาขอโทษขอโพยที่เพื่อนในกลุ่มพูดจาไม่ดีใส่แต่แทนที่เรื่องจะจบกลับพบว่ามีหนึ่งในกลุ่มยังคงโวยวายและด่าทอทำให้น้องในกลุ่มตนเองอีกคนเข้าไปเคลียร์อีกครั้งแต่กลับถูกอีกฝ่ายให้ของลับใส่ทำให้น้องที่เข้าไปเคลียร์ตบหน้าชายคนดังกล่าวจากนั้นก็เกิดการชกต่อยจนชุลมุนกันไม่นานตนเองได้ยินเสียงยิงปืนดังขึ้นหน้าร้านจึงหันไปมองพบว่ามีชายคนหนึ่งที่มาในกลุ่มของคู่กรณีชักปืนขึ้นมายิงขึ้นฟ้าตนเองจึงเข้าไปถามว่ายิงปืนทำไมและทำไมต้องพกปืนเข้ามาอีกทั้งตนเองและเพื่อนมากันมือเปล่าทำให้ชายคนที่ยิงปืนถอยหลังออกไปตนเองจึงหันมาชกต่อยกับอีกคนในกลุ่มคู่กรณีจนกระทั่งมีรถสายตรวจของสภ.สำโรงเหนือมาถึงที่เกิดเหตุและเชิญชายคนที่ยิงปืนขึ้นรถสายตรวจโดยไม่มีการล็อกกุญแจมือแต่อย่างใดซึ่งตอนนั้นตนเองยังโวยวายถามเจ้าหน้าที่สายตรวจว่าทำไมไม่ล็อกกุญแจมืออีกทั้งสถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ของสภ.เมืองสมุทรปราการไม่ใช่ของสภ.สำโรงเหนือระหว่างนั้นไม่นานก็มีสายตรวจของสภ.เมืองสมุทรปราการเข้ามาระงับเหตุจนกระทั่งต่างฝ่ายต่างแยกย้ายซึ่งเรื่องราวตนเองคิดว่าจะจบลงในคืนนั้นเพราะตนเองก็ไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใดจนมาทราบจากพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการว่ากลุ่มคู่กรณีมีการมาแจ้งความจึงเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาและแจ้งความกลับกลุ่มคู่กรณีเช่นกันและมาทราบภายหลังว่ากลุ่มคู่กรณีเป็นตำรวจของสภ.สำโรงเหนือ2นายและตำรวจของกองกำกับการสืบจังหวัดอีก1นายซึ่งพอทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจและมีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องต่อสื่อมวลชนด้วยเช่นกัน...

วงจรปิดแฉชัดทุกมุมตำรวจสภ.โรงเหนือชักปืนยิงในผับหลังจากมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะอื่นคลิปจากกล้องวงจรปิดสามารถแฉพฤติกรรมของตำรวจ3นายแต่งกายชุดนอกได้พากันเที่ยวในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการก่อนจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะข้างๆจนเกิดเหตุบานปลายทำให้มีตำรวจนายหนึ่งชักปืนขึ้นมายิงขู่ภายในร้านซึ่งกล้องวงจรปิดหน้าร้านสามารถจับภาพตำรวจที่ชักปืนขึ้นมายิงข่มขู่ได้อย่างชัดเจนจากนั้นมีเพื่อนของตำรวจนายนี้เข้ามาห้ามปราบขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุมภายในร้านจับภาพได้ไกลๆจะเห็นการชุลมุนกันของทั้งสองฝ่ายโดยมีสายตรวจนายหนึ่งพยายามเข้าไประงับเหตุภายในร้านขณะที่คลิปจากกล้องมือถือที่มีการถ่ายไว้ได้จะเห็นว่ามีชายผมเกรียนนายหนึ่งพยายามโวยวายแล้วเข้าหาเรื่องคู่กรณีแต่มีทางด้านเพื่อนเข้ามาห้ามปราบไว้ล่าสุดเมื่อวันที่22มีนาคม2566ทีมข่าวเราไปพบกับนายต้องอายุ43ปีหนึ่งในกลุ่มคู่กรณีที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของตำรวจในคืนวันเกิดเหตุได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการตามหมายเรียกในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นนายต้องเปิดใจกับทีมข่าวว่าคืนวันเกิดเหตุเป็นคืนวันที่13มีนาคม2566เวลาประมาณ02.00น.สถานที่เกิดเหตุคือร้านบนถ.ศรีนครินทร์ต.บางเมืองอ.เมืองจ.สมุทรปราการในคืนดังกล่าวตนเองและเพื่อนทั้งชายหญิงรวมประมาณ8คนไปเที่ยวดื่มกินที่ร้านแห่งนี้กันตามปะสานักท่องเที่ยวปกติจนกระทั่งร้านปิดและตนเองขอขึ้นไปร้องเพลงสุดท้ายกลุ่มเพื่อนของตนเองก็พากันร้องเพลงตามอย่างสนุกสนานในระหว่างที่กำลังพากันร้องเพลงสุดท้ายนั้นปรากฏว่ามีเสียงจากโต๊ะข้างๆตะโกนโวยวายด่าทอใส่ทำให้น้องที่กลุ่มที่มาด้วยกันพยายามเข้าไปเคลียร์กับโต๊ะข้างๆซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นโต๊ะดังกล่าวที่มากันประมาณ4คนเป็นตำรวจถึง3คนมาทราบภายหลังหลังจากที่มีน้องเข้าไปเคลียร์ปรากฏว่ามีน้องที่รู้จักรกันคนหนึ่งเข้ามาขอโทษขอโพยที่เพื่อนในกลุ่มพูดจาไม่ดีใส่แต่แทนที่เรื่องจะจบกลับพบว่ามีหนึ่งในกลุ่มยังคงโวยวายและด่าทอทำให้น้องในกลุ่มตนเองอีกคนเข้าไปเคลียร์อีกครั้งแต่กลับถูกอีกฝ่ายให้ของลับใส่ทำให้น้องที่เข้าไปเคลียร์ตบหน้าชายคนดังกล่าวจากนั้นก็เกิดการชกต่อยจนชุลมุนกันไม่นานตนเองได้ยินเสียงยิงปืนดังขึ้นหน้าร้านจึงหันไปมองพบว่ามีชายคนหนึ่งที่มาในกลุ่มของคู่กรณีชักปืนขึ้นมายิงขึ้นฟ้าตนเองจึงเข้าไปถามว่ายิงปืนทำไมและทำไมต้องพกปืนเข้ามาอีกทั้งตนเองและเพื่อนมากันมือเปล่าทำให้ชายคนที่ยิงปืนถอยหลังออกไปตนเองจึงหันมาชกต่อยกับอีกคนในกลุ่มคู่กรณีจนกระทั่งมีรถสายตรวจของสภ.สำโรงเหนือมาถึงที่เกิดเหตุและเชิญชายคนที่ยิงปืนขึ้นรถสายตรวจโดยไม่มีการล็อกกุญแจมือแต่อย่างใดซึ่งตอนนั้นตนเองยังโวยวายถามเจ้าหน้าที่สายตรวจว่าทำไมไม่ล็อกกุญแจมืออีกทั้งสถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ของสภ.เมืองสมุทรปราการไม่ใช่ของสภ.สำโรงเหนือระหว่างนั้นไม่นานก็มีสายตรวจของสภ.เมืองสมุทรปราการเข้ามาระงับเหตุจนกระทั่งต่างฝ่ายต่างแยกย้ายซึ่งเรื่องราวตนเองคิดว่าจะจบลงในคืนนั้นเพราะตนเองก็ไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใดจนมาทราบจากพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการว่ากลุ่มคู่กรณีมีการมาแจ้งความจึงเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาและแจ้งความกลับกลุ่มคู่กรณีเช่นกันและมาทราบภายหลังว่ากลุ่มคู่กรณีเป็นตำรวจของสภ.สำโรงเหนือ2นายและตำรวจของกองกำกับการสืบจังหวัดอีก1นายซึ่งพอทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจและมีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องต่อสื่อมวลชนด้วยเช่นกันวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉชัดทุกมุมตำรวจสภ.โรงเหนือชักปืนยิงในผับหลังจากมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะอื่นคลิปจากกล้องวงจรปิดสามารถแฉพฤติกรรมของตำรวจ3นายแต่งกายชุดนอกได้พากันเที่ยวในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการก่อนจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะข้างๆจนเกิดเหตุบานปลายทำให้มีตำรวจนายหนึ่งชักปืนขึ้นมายิงขู่ภายในร้านซึ่งกล้องวงจรปิดหน้าร้านสามารถจับภาพตำรวจที่ชักปืนขึ้นมายิงข่มขู่ได้อย่างชัดเจนจากนั้นมีเพื่อนของตำรวจนายนี้เข้ามาห้ามปราบขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุมภายในร้านจับภาพได้ไกลๆจะเห็นการชุลมุนกันของทั้งสองฝ่ายโดยมีสายตรวจนายหนึ่งพยายามเข้าไประงับเหตุภายในร้านขณะที่คลิปจากกล้องมือถือที่มีการถ่ายไว้ได้จะเห็นว่ามีชายผมเกรียนนายหนึ่งพยายามโวยวายแล้วเข้าหาเรื่องคู่กรณีแต่มีทางด้านเพื่อนเข้ามาห้ามปราบไว้ล่าสุดเมื่อวันที่22มีนาคม2566ทีมข่าวเราไปพบกับนายต้องอายุ43ปีหนึ่งในกลุ่มคู่กรณีที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของตำรวจในคืนวันเกิดเหตุได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการตามหมายเรียกในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นนายต้องเปิดใจกับทีมข่าวว่าคืนวันเกิดเหตุเป็นคืนวันที่13มีนาคม2566เวลาประมาณ02.00น.สถานที่เกิดเหตุคือร้านบนถ.ศรีนครินทร์ต.บางเมืองอ.เมืองจ.สมุทรปราการในคืนดังกล่าวตนเองและเพื่อนทั้งชายหญิงรวมประมาณ8คนไปเที่ยวดื่มกินที่ร้านแห่งนี้กันตามปะสานักท่องเที่ยวปกติจนกระทั่งร้านปิดและตนเองขอขึ้นไปร้องเพลงสุดท้ายกลุ่มเพื่อนของตนเองก็พากันร้องเพลงตามอย่างสนุกสนานในระหว่างที่กำลังพากันร้องเพลงสุดท้ายนั้นปรากฏว่ามีเสียงจากโต๊ะข้างๆตะโกนโวยวายด่าทอใส่ทำให้น้องที่กลุ่มที่มาด้วยกันพยายามเข้าไปเคลียร์กับโต๊ะข้างๆซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นโต๊ะดังกล่าวที่มากันประมาณ4คนเป็นตำรวจถึง3คนมาทราบภายหลังหลังจากที่มีน้องเข้าไปเคลียร์ปรากฏว่ามีน้องที่รู้จักรกันคนหนึ่งเข้ามาขอโทษขอโพยที่เพื่อนในกลุ่มพูดจาไม่ดีใส่แต่แทนที่เรื่องจะจบกลับพบว่ามีหนึ่งในกลุ่มยังคงโวยวายและด่าทอทำให้น้องในกลุ่มตนเองอีกคนเข้าไปเคลียร์อีกครั้งแต่กลับถูกอีกฝ่ายให้ของลับใส่ทำให้น้องที่เข้าไปเคลียร์ตบหน้าชายคนดังกล่าวจากนั้นก็เกิดการชกต่อยจนชุลมุนกันไม่นานตนเองได้ยินเสียงยิงปืนดังขึ้นหน้าร้านจึงหันไปมองพบว่ามีชายคนหนึ่งที่มาในกลุ่มของคู่กรณีชักปืนขึ้นมายิงขึ้นฟ้าตนเองจึงเข้าไปถามว่ายิงปืนทำไมและทำไมต้องพกปืนเข้ามาอีกทั้งตนเองและเพื่อนมากันมือเปล่าทำให้ชายคนที่ยิงปืนถอยหลังออกไปตนเองจึงหันมาชกต่อยกับอีกคนในกลุ่มคู่กรณีจนกระทั่งมีรถสายตรวจของสภ.สำโรงเหนือมาถึงที่เกิดเหตุและเชิญชายคนที่ยิงปืนขึ้นรถสายตรวจโดยไม่มีการล็อกกุญแจมือแต่อย่างใดซึ่งตอนนั้นตนเองยังโวยวายถามเจ้าหน้าที่สายตรวจว่าทำไมไม่ล็อกกุญแจมืออีกทั้งสถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ของสภ.เมืองสมุทรปราการไม่ใช่ของสภ.สำโรงเหนือระหว่างนั้นไม่นานก็มีสายตรวจของสภ.เมืองสมุทรปราการเข้ามาระงับเหตุจนกระทั่งต่างฝ่ายต่างแยกย้ายซึ่งเรื่องราวตนเองคิดว่าจะจบลงในคืนนั้นเพราะตนเองก็ไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใดจนมาทราบจากพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการว่ากลุ่มคู่กรณีมีการมาแจ้งความจึงเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาและแจ้งความกลับกลุ่มคู่กรณีเช่นกันและมาทราบภายหลังว่ากลุ่มคู่กรณีเป็นตำรวจของสภ.สำโรงเหนือ2นายและตำรวจของกองกำกับการสืบจังหวัดอีก1นายซึ่งพอทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจและมีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องต่อสื่อมวลชนด้วยเช่นกันวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆ...

วงจรปิดแฉชัดทุกมุมตำรวจสภ.โรงเหนือชักปืนยิงในผับหลังจากมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะอื่นคลิปจากกล้องวงจรปิดสามารถแฉพฤติกรรมของตำรวจ3นายแต่งกายชุดนอกได้พากันเที่ยวในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการก่อนจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะข้างๆจนเกิดเหตุบานปลายทำให้มีตำรวจนายหนึ่งชักปืนขึ้นมายิงขู่ภายในร้านซึ่งกล้องวงจรปิดหน้าร้านสามารถจับภาพตำรวจที่ชักปืนขึ้นมายิงข่มขู่ได้อย่างชัดเจนจากนั้นมีเพื่อนของตำรวจนายนี้เข้ามาห้ามปราบขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุมภายในร้านจับภาพได้ไกลๆจะเห็นการชุลมุนกันของทั้งสองฝ่ายโดยมีสายตรวจนายหนึ่งพยายามเข้าไประงับเหตุภายในร้านขณะที่คลิปจากกล้องมือถือที่มีการถ่ายไว้ได้จะเห็นว่ามีชายผมเกรียนนายหนึ่งพยายามโวยวายแล้วเข้าหาเรื่องคู่กรณีแต่มีทางด้านเพื่อนเข้ามาห้ามปราบไว้ล่าสุดเมื่อวันที่22มีนาคม2566ทีมข่าวเราไปพบกับนายต้องอายุ43ปีหนึ่งในกลุ่มคู่กรณีที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของตำรวจในคืนวันเกิดเหตุได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการตามหมายเรียกในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นนายต้องเปิดใจกับทีมข่าวว่าคืนวันเกิดเหตุเป็นคืนวันที่13มีนาคม2566เวลาประมาณ02.00น.สถานที่เกิดเหตุคือร้านบนถ.ศรีนครินทร์ต.บางเมืองอ.เมืองจ.สมุทรปราการในคืนดังกล่าวตนเองและเพื่อนทั้งชายหญิงรวมประมาณ8คนไปเที่ยวดื่มกินที่ร้านแห่งนี้กันตามปะสานักท่องเที่ยวปกติจนกระทั่งร้านปิดและตนเองขอขึ้นไปร้องเพลงสุดท้ายกลุ่มเพื่อนของตนเองก็พากันร้องเพลงตามอย่างสนุกสนานในระหว่างที่กำลังพากันร้องเพลงสุดท้ายนั้นปรากฏว่ามีเสียงจากโต๊ะข้างๆตะโกนโวยวายด่าทอใส่ทำให้น้องที่กลุ่มที่มาด้วยกันพยายามเข้าไปเคลียร์กับโต๊ะข้างๆซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นโต๊ะดังกล่าวที่มากันประมาณ4คนเป็นตำรวจถึง3คนมาทราบภายหลังหลังจากที่มีน้องเข้าไปเคลียร์ปรากฏว่ามีน้องที่รู้จักรกันคนหนึ่งเข้ามาขอโทษขอโพยที่เพื่อนในกลุ่มพูดจาไม่ดีใส่แต่แทนที่เรื่องจะจบกลับพบว่ามีหนึ่งในกลุ่มยังคงโวยวายและด่าทอทำให้น้องในกลุ่มตนเองอีกคนเข้าไปเคลียร์อีกครั้งแต่กลับถูกอีกฝ่ายให้ของลับใส่ทำให้น้องที่เข้าไปเคลียร์ตบหน้าชายคนดังกล่าวจากนั้นก็เกิดการชกต่อยจนชุลมุนกันไม่นานตนเองได้ยินเสียงยิงปืนดังขึ้นหน้าร้านจึงหันไปมองพบว่ามีชายคนหนึ่งที่มาในกลุ่มของคู่กรณีชักปืนขึ้นมายิงขึ้นฟ้าตนเองจึงเข้าไปถามว่ายิงปืนทำไมและทำไมต้องพกปืนเข้ามาอีกทั้งตนเองและเพื่อนมากันมือเปล่าทำให้ชายคนที่ยิงปืนถอยหลังออกไปตนเองจึงหันมาชกต่อยกับอีกคนในกลุ่มคู่กรณีจนกระทั่งมีรถสายตรวจของสภ.สำโรงเหนือมาถึงที่เกิดเหตุและเชิญชายคนที่ยิงปืนขึ้นรถสายตรวจโดยไม่มีการล็อกกุญแจมือแต่อย่างใดซึ่งตอนนั้นตนเองยังโวยวายถามเจ้าหน้าที่สายตรวจว่าทำไมไม่ล็อกกุญแจมืออีกทั้งสถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ของสภ.เมืองสมุทรปราการไม่ใช่ของสภ.สำโรงเหนือระหว่างนั้นไม่นานก็มีสายตรวจของสภ.เมืองสมุทรปราการเข้ามาระงับเหตุจนกระทั่งต่างฝ่ายต่างแยกย้ายซึ่งเรื่องราวตนเองคิดว่าจะจบลงในคืนนั้นเพราะตนเองก็ไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใดจนมาทราบจากพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการว่ากลุ่มคู่กรณีมีการมาแจ้งความจึงเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาและแจ้งความกลับกลุ่มคู่กรณีเช่นกันและมาทราบภายหลังว่ากลุ่มคู่กรณีเป็นตำรวจของสภ.สำโรงเหนือ2นายและตำรวจของกองกำกับการสืบจังหวัดอีก1นายซึ่งพอทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจและมีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องต่อสื่อมวลชนด้วยเช่นกันวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆ...

วงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆวงจรปิดแฉชัดทุกมุมตำรวจสภ.โรงเหนือชักปืนยิงในผับหลังจากมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะอื่นคลิปจากกล้องวงจรปิดสามารถแฉพฤติกรรมของตำรวจ3นายแต่งกายชุดนอกได้พากันเที่ยวในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการก่อนจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับนักท่องเที่ยวโต๊ะข้างๆจนเกิดเหตุบานปลายทำให้มีตำรวจนายหนึ่งชักปืนขึ้นมายิงขู่ภายในร้านซึ่งกล้องวงจรปิดหน้าร้านสามารถจับภาพตำรวจที่ชักปืนขึ้นมายิงข่มขู่ได้อย่างชัดเจนจากนั้นมีเพื่อนของตำรวจนายนี้เข้ามาห้ามปราบขณะที่กล้องวงจรปิดอีกมุมภายในร้านจับภาพได้ไกลๆจะเห็นการชุลมุนกันของทั้งสองฝ่ายโดยมีสายตรวจนายหนึ่งพยายามเข้าไประงับเหตุภายในร้านขณะที่คลิปจากกล้องมือถือที่มีการถ่ายไว้ได้จะเห็นว่ามีชายผมเกรียนนายหนึ่งพยายามโวยวายแล้วเข้าหาเรื่องคู่กรณีแต่มีทางด้านเพื่อนเข้ามาห้ามปราบไว้ล่าสุดเมื่อวันที่22มีนาคม2566ทีมข่าวเราไปพบกับนายต้องอายุ43ปีหนึ่งในกลุ่มคู่กรณีที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับกลุ่มของตำรวจในคืนวันเกิดเหตุได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการตามหมายเรียกในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นนายต้องเปิดใจกับทีมข่าวว่าคืนวันเกิดเหตุเป็นคืนวันที่13มีนาคม2566เวลาประมาณ02.00น.สถานที่เกิดเหตุคือร้านบนถ.ศรีนครินทร์ต.บางเมืองอ.เมืองจ.สมุทรปราการในคืนดังกล่าวตนเองและเพื่อนทั้งชายหญิงรวมประมาณ8คนไปเที่ยวดื่มกินที่ร้านแห่งนี้กันตามปะสานักท่องเที่ยวปกติจนกระทั่งร้านปิดและตนเองขอขึ้นไปร้องเพลงสุดท้ายกลุ่มเพื่อนของตนเองก็พากันร้องเพลงตามอย่างสนุกสนานในระหว่างที่กำลังพากันร้องเพลงสุดท้ายนั้นปรากฏว่ามีเสียงจากโต๊ะข้างๆตะโกนโวยวายด่าทอใส่ทำให้น้องที่กลุ่มที่มาด้วยกันพยายามเข้าไปเคลียร์กับโต๊ะข้างๆซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นโต๊ะดังกล่าวที่มากันประมาณ4คนเป็นตำรวจถึง3คนมาทราบภายหลังหลังจากที่มีน้องเข้าไปเคลียร์ปรากฏว่ามีน้องที่รู้จักรกันคนหนึ่งเข้ามาขอโทษขอโพยที่เพื่อนในกลุ่มพูดจาไม่ดีใส่แต่แทนที่เรื่องจะจบกลับพบว่ามีหนึ่งในกลุ่มยังคงโวยวายและด่าทอทำให้น้องในกลุ่มตนเองอีกคนเข้าไปเคลียร์อีกครั้งแต่กลับถูกอีกฝ่ายให้ของลับใส่ทำให้น้องที่เข้าไปเคลียร์ตบหน้าชายคนดังกล่าวจากนั้นก็เกิดการชกต่อยจนชุลมุนกันไม่นานตนเองได้ยินเสียงยิงปืนดังขึ้นหน้าร้านจึงหันไปมองพบว่ามีชายคนหนึ่งที่มาในกลุ่มของคู่กรณีชักปืนขึ้นมายิงขึ้นฟ้าตนเองจึงเข้าไปถามว่ายิงปืนทำไมและทำไมต้องพกปืนเข้ามาอีกทั้งตนเองและเพื่อนมากันมือเปล่าทำให้ชายคนที่ยิงปืนถอยหลังออกไปตนเองจึงหันมาชกต่อยกับอีกคนในกลุ่มคู่กรณีจนกระทั่งมีรถสายตรวจของสภ.สำโรงเหนือมาถึงที่เกิดเหตุและเชิญชายคนที่ยิงปืนขึ้นรถสายตรวจโดยไม่มีการล็อกกุญแจมือแต่อย่างใดซึ่งตอนนั้นตนเองยังโวยวายถามเจ้าหน้าที่สายตรวจว่าทำไมไม่ล็อกกุญแจมืออีกทั้งสถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ของสภ.เมืองสมุทรปราการไม่ใช่ของสภ.สำโรงเหนือระหว่างนั้นไม่นานก็มีสายตรวจของสภ.เมืองสมุทรปราการเข้ามาระงับเหตุจนกระทั่งต่างฝ่ายต่างแยกย้ายซึ่งเรื่องราวตนเองคิดว่าจะจบลงในคืนนั้นเพราะตนเองก็ไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใดจนมาทราบจากพนักงานสอบสวนของสภ.เมืองสมุทรปราการว่ากลุ่มคู่กรณีมีการมาแจ้งความจึงเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาและแจ้งความกลับกลุ่มคู่กรณีเช่นกันและมาทราบภายหลังว่ากลุ่มคู่กรณีเป็นตำรวจของสภ.สำโรงเหนือ2นายและตำรวจของกองกำกับการสืบจังหวัดอีก1นายซึ่งพอทราบว่าคู่กรณีเป็นตำรวจและมีการใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงร้องต่อสื่อมวลชนด้วยเช่นกันวงจรปิดแฉตำรวจ สภ.โรงเหนือ กร่างชักปืนยิงในผับ ขณะเพื่อนซัดนัวกับโต๊ะข้างๆ...