เปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลเปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อยเปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย...

เปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลเปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อยเปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย...

"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลเปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล...

"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลเปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล...

"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลเปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อยเปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล...

"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลเปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อยเปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อยเปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย...

"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลเปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อยเปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อยเปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย...

เปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อยเปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล...

"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลเปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย...

เปิดตำนาน "หลวงปู่วรพรตวิธาน" ผ่านไปกว่า 20 ปี สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล"หลวงปู่วรพรตวิธาน"พระอริยสงฆ์แดนอีสานผ่านไปกว่า20ปีแล้วแต่สรีระสังขารยังไม่เน่าเปื่อย ผิวหนังกลายเป็นสีเขียวมรกตวานนี้(20มี.ค.)ภายในโบสถ์ที่วัดจุมพลบ้านก้านเหลืองต.ก้านเหลืองอ.แวงน้อยจ.ขอนแก่นซึ่งตั้งโลงแก้วบรรจุสรีระสังขาร"หลวงปู่วรพรตวิธาน"อดีตเจ้าอาวาสวัดเอาไว้โดยลูกศิษย์ลูกหาและชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงปู่วรพรตวิธานจะทราบดีว่าท่านถูกยกให้เป็นพระอริยสงฆ์แดนอีสานมีเรื่องเล่าขานกันมาตั้งแต่ปี2503ที่หลวงปู่เหยียบรถกระดก(ลอยขึ้น)โดยวันนั้นหลวงปู่จะออกเดินทางจากอำเภอพลจังหวัดขอนแก่นด้วยรถโดยสารเพื่อจะไปจังหวัดร้อยเอ็ดรถคันที่หลวงปู่จะขึ้นเป็นรถสองแถวขนาดใหญ่ตามธรรมดาโดยทั่วไปแล้วพระเณรจะต้องนั่งด้านหน้าติดกับคนขับเพื่อจะได้ไม่ปะปนกับผู้โดยสารคนอื่นแต่รถคันนี้มีผู้หญิงนั่งเต็มอยู่ด้านหน้า­แล้วด้านหลังรถยังพอมีที่นั่งได้คนขับรถจึงบอกให้หลวงปู่ขึ้นทางท้ายรถหลวงปู่ก็ได้ปฏิบัติตามแต่ก่อนจะขึ้นรถหลวงปู่ได้พูดกับคนขับรถว่­า“โยมรถจะไม่เดี่ยงหรือ”(เดี่ยงเป็นภาษาไทยอีสานแปลว่า“กระดก”)คนขับก็บอกว่า“หลวงพ่อนิมนต์ก้าวเหยียบขึ้นได้เลยรถมันไม่เดี่ยงหรอกเพราะรถรับน้ำหนักได้หล­ายตัน”พอคนขับพูดจบหลวงปู่ก็ก้าวเท้าขึ้นรถปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นทันทีด้านหน้ารถลอยขึ้นคนขับรถเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึงจึงกราบนิมนต์หลวงปู่มานั่งด้านหน้าโดยให้พวกผู้หญิงไปนั่งด้านหลังตั้งแต่นั้นมาสมญานาม“หลวงปู่วรพรตเหยียบรถเดี่ยง”จึงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปด้านพระครูสิริภัทรสารเจ้าอาวาสวัดจุมพลเปิดเผยเรื่องเล่าจนเป็นตำนานของหลวงปู่วรพรตวิธานกับผู้สื่อข่าวว่าทุกวันอาตมาทำวัดเสร็จก็จะขึ้นมาหาหลวงปู่ทุกวันและในวันที่18มกราคม2544ท่านก็พูดแปลกๆว่าปีนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยแล้วอาตมาก็ถามว่าหลวงปู่จะไปไหนหลวงปู่ก็บอกว่าปีนี้เราจะตายแล้วตายแล้วก็สังขารเผาไม่ไหม้พูดท่านเป็นวาจาสิทธิ์พูดคำไหนก็คำนั้นเมื่อท่านเสียก็ได้ฉีดยาหมอเเจ้งว่าร่างท่านจะอยู่ได้แค่6เดือนสังขารก็จะเน่าเปือยทางวัดก็ได้เก็บสังขารท่านไว้ในหีบธรรมดาโลงแก้วธรรมดาที่ไม่ได้ติดตั้งอะไรและไม่ได้เป็นโลงเย็นมาตลอดจนถึงปัจจุบันตั้งแต่วันที่20พฤษภาคมพ.ศ.2544ในโลงจะใส่ใบชายากันชื้นการบูนไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษเมื่อก่อนสังขารของท่านจะเป็นสีน้ำตาลจากนั้นพบว่าในวันที่14สิงหาคมพ.ศ.2553ผิวหนังของท่านเริ่มเกิดเป็นสีเขียวที่สังขารของท่านก่อนที่จะเป็นอย่างที่เห็นได้ฝันก่อนว่ามีพญานาคมาเลื้อยวนอยู่ที่ศาลาของหลวงปู่ตอนเช้าเป็นวันพระได้มาพูดคุยกับโยมคนหนึ่งที่มีความฝันเหมือนกันเลยได้พากันไปดูหีบสังขารของหลวงปู่ก็เจอสีเขียวเท่าขนาดของไข่ที่บริเวณศีรษะของท่านตามปกติก็เปลี่ยนผ้าท่านทุกปีคิดว่าเป็นเชื้อราก็เลยนำแผ่นทองมาปิดกลัวชาวบ้านญาติโยมคิดว่าเราเอาสีไปทาท่านแต่ก็แผ่นทองก็หลุดออกเหมือนเดิมซึ่งในตอนนั้นยังไม่ปรากฎทั้งสังขารแต่ผ่านไปได้ประมาณ1เดือนก็พบว่าเป็นสีเขียวเต็มสังขารกลายเป็นสีเขียวมรกตจนถึงขณะนี้ในตอนนั้นโซเชียลกำลังมาลูกศิษย์ลูกหาเค้าก็ได้มาถ่ายรูปและส่งต่อๆกันไปหลังจากสังขารเป็นสีเขียวแล้วก็ยังคงปิดทองเป็นประจำทุกปีและเปลียนจีวรทุกปีในกรณีที่ท่านบอกว่าสังขารเผาไม่ไหม้คาดว่าท่านจะบริจาคสังขารให้เป็นสิ่งที่เราไม่ยึดติดเพราะว่าเราแค่มาอาศัยร่างให้พวกเราพิจารณาทางธรรมว่าเป็นแค่ท่อนไม้ลาภยศสรรเสริญเอาไปไม่ได้สังขารของท่านจะเก็บไว้ให้ลูกหลานดูต่อไปหลายๆรุ่นจะจัดปฏิบัติธรรมให้สังขารของหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์เหมือนที่อื่นทำในแต่ละปีทำบุญเปลี่ยนจีวรให้ท่านในตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่อาตมาก็จะเปลี่ยนจีวรให้ท่านทุกวันที่16เมษายนจึงยึดถือมาตลอดส่วนทำบุญครบรอบวันละสังขารจะทำวันที่20พฤษภาคมของทุกปีแล้วจะเป็นบุญเดือน6ของอีสานคือบุญบั้งไฟหลวงปู่วรพรตวิธานละสังขารมาแล้ว22ปีหลังจากที่มีโควิดระบาดก็ไม่ได้จัดเลยปีนี้ก็จะจัดตามปกติกิจกรรมจะมีบุญบั้งไฟมีนางรำมารำบวงสรวงหลวงปู่นิมนพระมาสวดพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล...